Chin Augmentation

คาง นับเป็นองค์ประกอบหนึ่งของใบหน้าที่มีผลต่อความสวยงามโดยรวม ใบหน้าที่มีคางเล็กสั้น หรือยาวยื่นจนเกินไป จะทำให้ใบหน้ามีสัดส่วนที่ไม่เหมาะสมและแลดูไม่สวยงาม การมีคางที่มีขนาดพอดี และมีความยื่นที่เหมาะสม จะทำให้ใบหน้าได้รูปสวยขึ้น จึงไม่ต้องแปลกใจหากการจัดฟันหรือเสริมคางเพียงเล็กน้อย ก็ทำให้ใบหน้าดูเปลี่ยนไป การผ่าตัดเสริมคาง นับเป็นการผ่าตัดเล็กที่มีความเสี่ยงไม่มากและการผ่าตัดเสริมคางด้วย silicone ก็นับเป็นการผ่าตัดที่ได้มาตรฐานแบบหนึ่ง เป็นที่ยอมรับทางการแพทย์

ขั้นตอนการผ่าตัด

  1. พบแพทย์เพื่อปรึกษา พูดคุย และวัดขนาดคางที่เหมาะสม
  2. ผ่าตัดโดยการใช้การฉีดยาชาเฉพาะที่
  3. แผลผ่าตัด มีได้ 2 แบบ คือด้านนอก บริเวณผิวใต้คางหรือด้านในริมฝีปาก แผลด้านนอกจะมีโอกาสเกิดแผลเป็นที่มองเห็นชัดได้ แต่เหมาะสำหรับการเสริมคางขนาดใหญ่ ส่วนแผลด้านใน มีข้อดีคือจะมองไม่เห็นแผลเป็น แพทย์จึงแนะนำแผลในปากมากกว่า
  4. ใส่ silicone ในขนาดที่เหมาะสม และในชั้นที่เหมาะสม
  5. เย็บปิดแผลในปาก ด้วยไหมละลาย
  6. ทานยาและดูแลแผลหลังผ่าตัด
  7. แพทย์นัดดูแผล วันที่ 7 หลังผ่า ในส่วนของไหมละลาย หากรำคาญและแผลหายดีแล้วก็สามารถตัดออกได้

การดูแลหลังผ่าตัด

  • ประคบเย็นใน24-48 ชั่วโมงแรก
  • หลัง 48 ชั่วโมงหากมีอาการเขียว ให้ใช้การประคบอุ่น
  • แผลในปาก ควรหมั่นบ้วนปากด้วยน้ำเกลือ หรือน้ำยาบ้วนปากแบบอ่อนๆ
  • ทานยาแก้อักเสบตามคำสั่งแพทย์
  • งดอาหารรสจัดหรือหมักดอก รวมทั้งงดสูบบุหรี่

ภาวะแทรกซ้อนหลังผ่าตัด

  1. แผลอักเสบ ติดเชื้อ แผลแยก : การดูแลและรักษาความสะอาดที่ไม่เหมาะสม จะทำให้เกิดเหตุการณ์เหล่านี้ได้ ควรดูแลทำความสะอาดแผลและทานยาอย่างเคร่งครัด
    “การผ่าตัดเสริม silicone ตำแหน่งใดก็ตาม เป็นการใส่สิ่งแปลกปลอมเข้าสู่ร่างกาย ดังนั้นจึงเกิดการอักเสบได้ง่าย แม้จะมีการติดเชื้อ เพียงเล็กน้อยเท่านั้น”
  2. อาการชาริมฝีปากล่างหรือคาง การใส่ silicone ขนาดใหญ่จะทำให้ต้องเลาะโพรงกว้าง มีโอกาสที่เส้นประสาทจะถูกกระทบกระเทือนและถูกดึง ทำให้มีอาการดังกล่าวในช่วงแรกๆได้ ซึ่งมักจะกลับมามีความรู้สึกปกติได้ในที่สุดหากไม่เกิดการฉีกขาดของเส้นประสาท
  3. การเอียง บิด ผิดรูป หรือผิดตำแหน่งของ silicone ซึ่งถ้าเป็นมาก ก็อาจต้องทำการผ่าตัดใหม่ เพื่อไปจัดตำแหน่งให้เหมาะสม
error: Content is protected !!